เปิดไฟทิ้งไว้เเบตหมดสตาร์ทไม่ติด ถอดมาชาร์จได้ เข้าใช้บริการได้ที่ร้านเเบต อาโอดี เเหลมฉบัง โทร 083-1880919 แอมป์ละ 1 บาท เช็คเติมน้ำกลั่นให้ทุกครั้ง
หมวดหมู่ : ร้านเเบตรถยนต์ , 
Share
เเบตเตอรี่หมดไฟ สามารถถอดมาชาร์จ เพิ่มประจุไฟเข้าไปใหม่ได้ ที่ร้านมีบริการรับชาร์จเเบตรถยนต์ เเละ ฟื้นฟู (แหลมฉบัง) เเบตรถยนต์ ด้วยเครืองชารืจ Full Wave กระไฟออกมาตรง
การชาร์จ
-กระเเสชาร์จ ที่ 10%
-ควบคุมความร้อนเเบตเตอรี่
-เติมน้ำกลั่นก่อนชาร์จ
แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ (Battery Degradation): แบตเตอรี่สามารถสูญเสียความจุในการจัดเก็บพลังงานได้เมื่อใช้งานนาน นี่อาจทำให้แบตเตอรี่ไม่มีพลังงานเพียงพอสำหรับการสตาร์ทรถ.
การใช้งานไม่สม่ำเสมอ (Infrequent Use): การที่รถยนต์ถูกเก็บรักษานานๆ โดยไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ อาจทำให้แบตเตอรี่สูญเสียพลังงานเองและสตาร์ทไม่ติดเมื่อต้องการใช้งาน.
สภาวะอากาศ (Weather Conditions): สภาวะอากาศหนาวจัด หรืออากาศหนาวชื้นอาจทำให้แบตเตอรี่สูญเสียความจุได้เร็วขึ้นและทำให้สตาร์ทไม่ติด.
ไฟฟ้ารั่ว (Parasitic Draw): มีอุปกรณ์ในรถยนต์ที่ยังคงใช้งานแม้แบตเตอรี่ถูกตัดการจ่ายไฟฟ้า เช่น ระบบเสียงหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ นี่อาจกินพลังงานจากแบตเตอรี่และทำให้สตาร์ทไม่ติด.
สายไฟไม่แน่นหรือชำรุด (Loose or Damaged Cables): สายไฟที่เชื่อมต่อแบตเตอรี่อาจไม่แน่นหรือชำรุด ทำให้กระแสไฟไม่สามารถไหลผ่านไปยังระบบได้.
แบตเตอรี่รั่วไฟ (Battery Drain): หากมีการทิ้งไฟรถยนต์เปิดไว้ (เช่น ไฟหน้า ไฟเบรค) โดยไม่ได้เปิดสตาร์ทรถ นี่จะทำให้แบตเตอรี่รั่วไฟและสูญเสียพลังงาน.
แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ (Battery Corrosion): คราบสนิมหรือคราบค้างคาวที่ขั้วต่อแบตเตอรี่อาจทำให้กระแสไฟไม่ไหลผ่านไปได้.
ปัญหาในระบบชาร์จ (Charging System Issues): ระบบชาร์จของรถยนต์ที่ไม่ทำงานอาจไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มพลังได้.
แบตเตอรี่เสียหาย (Damaged Battery): การกระทบหรือสภาวะแวดล้อมที่ทำให้แบตเตอรี่เสียหายอาจทำให้สตาร์ทไม่ติด.
อื่นๆ: อาจมีปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ เช่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์เสีย หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มีปัญหา.
หากคุณพบว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ สามารถนำเเบตรถยนต์มา ชาร์จเเบตรถยนต์ เเละ ฟื้นฟู เพื่อให้ช่างรถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้คุณเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานรถยนต์.
การดูเเลเเบตเตอรี่รถยนต์ให้ใช้ได้นานประจุไฟได้ต่อเนื่อง
1. ตรวจสอบการเชื่อมต่อและขั้วต่อ
ตรวจสอบขั้วต่อของแบตเตอรี่ว่ามีการเชื่อมต่อที่แน่นหรือไม่ และไม่มีสนิมหรือคราบตกตัวที่ขั้วต่อ
ตรวจสอบสายไฟจากแบตเตอรี่ไปยังตัวรถว่ามีการเชื่อมต่อแน่นหรือไม่ และไม่มีสายไฟที่ชำรุด
2. ตรวจสอบระดับน้ำ Elecrolyte (กรณีแบตเตอรี่แบบแห้ง)
ถ้าคุณใช้แบตเตอรี่แบบแห้ง ตรวจสอบระดับน้ำ Electrolyte ในแต่ละเซลล์ และเติมน้ำให้ถึงระดับที่ถูกต้อง (หากแบตเตอรี่ระดับน้ำได้)
3. การใช้สตาร์ทเครื่องชาร์จ
ใช้สตาร์ทเครื่องชาร์จ (jump starter) เพื่อส่งกระแสไฟไปยังแบตเตอรี่ และลองสตาร์ทรถ
หรือถ้าไม่มีสตาร์ทเครื่องชาร์จ คุณสามารถใช้รถยนต์อื่นที่สตาร์ทได้ปกติมาช่วยเพิ่มกระแสไฟให้กับแบตเตอรี่
4. การชาร์จแบตเตอรี่
ถ้ารถยนต์สามารถสตาร์ทได้หลังจากใช้สตาร์ทเครื่องชาร์จหรือสถานีบริการรถยนต์ช่วยเริ่มรถแล้ว คุณควรนำรถไปซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการ หรือ ร้านเเบตเตอรี่
หากคุณมีชาร์จแบตเตอรี่บ้างในบ้าน ลองทำการชาร์จแบตเตอรี่ให้ประจุไฟเต็ม โดยการต่อสายไฟบวกของชาร์จไปยังขั้วบวกของแบตเตอรี่และสายไฟลบไปยังขั้วลบของแบตเตอรี่ แล้วเปิดเครื่องชาร์จตามค่าประจุไฟที่แนะนำ
5. พิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
หากคุณได้ทดลองชาร์จแบตเตอรี่แล้วแต่ยังไม่สามารถสตาร์ทรถได้ อาจจะเป็นเคสที่แบตเตอรี่เสียหายและต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่